วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

นิยามของคำว่ารักภาษาอังกฤษ

...L~o~vE...
love you not because of who you are, but because of who I am when I am with you.
ฉันรักเธอ ไม่ใช่เพราะสิ่งที่เธอเป็น แต่รักเพราะสิ่งที่ฉันเป็น เวลาที่ได้ อยู่กับเธอ

No man or woman is worth your tears, and the one who is, won't make you cry.
ไม่มี ผู้ชาย(หรือผู้หญิง)คนไหนควรค่ากับน้ำตาของเธอ แต่ต่อให้มี คนที่มีค่ามากพอที่เธอจะเสียน้ำตาให้ เค้าจะต้องไม่ทำให้เธอร้องไห้

Just because someone doesn't love you the way you want them to, doesn't mean they don't love you with all they have.
ดารที่ใคร ซักคนไม่ได้รักเธอแบบที่เธอต้องการให้เป็น ไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่ได้รัก เธอด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่เค้ามี

A true friend is someone who reaches for your hand and touches your heart.
เพื่อนที่แท้จริงคือใครซักคนที่ยื่นมา เข้ามาถึง และสัมผัสได้ถึงใจและความรู้สึกเธอ

The worst way to miss someone is to be sitting right beside them knowing you can't have them.
สิ่งที่แย่ที่สุดเวลาคิดถึงใครคน นึง....คือเวลาที่เธอใกล้เค้าที่สุด แต่เค้าดูไดลเหลือเกิน เพราะเธอไม่มีทางได้เค้ามา

Never frown, even when you are sad, because you never know who is falling in love with your smile.
อ๊ะ อย่าขมวดคิ้ว แม้ว่ากำลังอยู่ในอารมณ์เสียใจ เพราะเธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่า กำลังมีใครตกหลุมรักรอยยิ้มของเธออยู่ รึเปล่า

To the world you may be one person, but to one person you may be the world.
เธออาจจะเป็น แค่คนนึงในโลกนี้ แต่ในทางกลับกัน เธออาจจะเป็นโลกทั้งใบสำหรับใครบางคน

Don't waste your time on a man/woman, who isn't willing to waste their time on you.
อย่าเปลือง เวลาของเธอให้กับ ช (หรือ ญ) ที่ไม่คิดจะให้แบ่งเวลาของเค้ากับเธอ


Maybe God wants us to meet a few wrong people before meeting the right one, so that when we finally meet the person, we will know how to be grateful.
บางทีอาจจะเป็นความต้องการของพระเจ้า ที่ต้องการให้เราเจอกับคนที่ไม่ใช่คู่ของเราซะก่อน เพื่อว่า เมื่อวันนึงที่เราได้เจอกับคนๆนั้นที่"ใช่" เราจำได้รู้ซึ้งว่า ความสุข และความพอใจ เป็นยังไง

Don't cry because it is over, smile because it happened.
อย่าร้องไห้ กับสิ่งที่จบไปแล้ว แต่จงยิ้ม กับสิ่งที่เกิดขึ้น

There's always going to be people that hurt you so what you have to do is keep on trusting and just be more careful about who you trust next time around.
คนที่ทำให้เธอต้องเจ็บและเสียใจ มีอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นครั้งต่อไปเธอควรคิดก่อนที่จะเชื่อใจใคร สักคน แต่อย่าถึงกับหมดศรัทธาในความเชื่อของเธอ

Make yourself a better person and know who you are before you try and know someone else and expect them to know you.
ก่อนที่จะคาดหวังให้คนอื่นมาเข้าใจเธอ เธอควรจะเข้า ใจและรู้จักตัวเองซะก่อน

Don't try so hard, the best things come when you least expect them to.
อย่าหวังให้ มาก ...สิ่งที่ดี ที่สุดมักเกิดขึ้นเมื่อเธอไม่ได้คาดฝัน

"Love is the triumph of imagination over intelligence."
ความรักคือ ชัยชนะของจินตนาการที่อยู่เหนือไหวพริบ

"Love or friendship, one cannot serve two masters."
ความรักหรือมิตรภาพ คุณเลือกได้เพียงหนึ่งเท่านั้น

"Love is like glass. If you drop it, it shatters and can never be put completely back together, if you can put it back together at all. But love can also be like porceline - if it's meant to be it'll never crack."
ความรักก็ เหมือนเครื่องแก้ว เมื่อทำตกไปแล้วก็ไม่สามารถจะทำให้กลับมาเป็นเช่น เดิมได้ ความรักก็เหมือนเช่นเครื่องแก้วชั้นดีที่ไม่มีรอย ตำหนิแม้สักนิด

"Love is a beautiful thing, it must be treated with tenderness and compassion or, like a rose, it's thorns can make it dangerous."
ความรักเป็น สิ่งสวยงามที่สามารถให้คุณได้ทั้งความอ่อนโยนและความเข้าใจ ดั่งเช่นดอก กุหลาบ แต่หนามของมันก็เป็นอันตรายเช่นกัน

10 วิธีดูใจก่อนเป็นแฟนใคร

1. ความฝันและความปรารถนาของว่าที่แฟนเป็นอย่างไร แล้วที่เจอแล้วน่ะนิสัยตรงสเปกไหม?

ถ้า ชายใดอยากได้แฟนเป็นแม่บ้านแม่เรือน และเป็นฝ่ายรับเหมางานบ้านไปรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว หนุ่มๆก็ควรสังเกตเอาก็ได้ ว่าสาวที่เขาคบหาอยู่ เธอชอบงานบริการสมาชิกในครอบครัวเป็นชีวิตจิตใจรึเปล่า ไม่ใช่รักที่จะเป็นเวิร์กกิ้ง วูแมน ตลอดเวลา ก็คงอุทิศชีวิตให้กับอาชีพการงานมากกว่าตรงข้าม หากคุณเป็นหญิงที่ปรารถนาคู่ครองเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง แต่
X ที่มีอยู่ดูแล้วไม่ค่อยอยากรับผิดชอบอะไร เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรับผิดชอบไม่ได้ เช่น เสื้อผ้าใส่แล้วก็ทิ้งกองไว้เป็นเดือน หรือจานชามยังล้างไม่เป็น จะยอมเสี่ยงเลือกคนนี้ เป็นแฟนไหมล่ะ

2. ให้ความสำคัญกับวันสำคัญของเราไหม
?

เช่น ครบรอบวันที่สารภาพรักครั้งแรก
, วันคล้ายวันเกิด, จูบครั้งแรก หรือวันออกเดทแรก เหล่านี้ถือเป็นวันสำคัญยิ่งสำหรับผู้หญิง และเธอก็คาดหวังว่าแฟนก็ควรจำได้ด้วย แม้จำได้ไม่หมดแต่จำได้ บ้างก็ยังดี

เพราะ งี้ถ้าคุณเป็นฝ่าย "ไม่เอาไหน" ในเรื่องความจำ แต่ดันไปรักไปชอบกับคนจำแม่น จำเก่งล่ะก็ ถ้ายังไปกันรอดก็เชื่อเค้าเลย แต่ถ้ารีบปรับตัวก็ยังพอทำเนา

3. สุขภาพเป็นอย่างไร
?

คน ที่คุณชอบพออยู่นั้น มีปัญหาสุขภาพด้านใดอยู่หรือเปล่า
? เช่น เป็นมะเร็ง, เป็นลูคิเมีย หรือเป็น เอดส์ไหม ถ้ารู้ล่วงหน้าจะได้หาทางช่วยเหลือได้ทัน แต่หากเป็นเอดส์นี่ก็น่าคิดนะว่ายังควรจะเอามาทำแฟนอีกเหรอ อย่าว่าแต่เอดส์เลย ที่ควรระวัง เพราะแม้แต่โรคซิฟิลิส หรือโรคทางเพศสัมพันธ์ก็ควรถอนตัวไปซะเถอะ แต่ถ้าไม่สบายอย่างอื่น เช่น เจ็บคอเป็นหวัดอะไรเงียะ ควรประคบประหงมดูแลต่อไป คนเราลองจะเป็นคู่ทุกข์คู่ยากของกันและกันก็ควรเอาใจใส่หน่อยเด้

4. ประวัติครอบครัวเป็นไงบ้าง
?

คนที่คุณชอบพอนั้น เค้ามีความรักความผูกพันหรือขัดแย้งกับใครเป็นพิเศษ ในครอบครัวหรือเปล่า
? สมาชิกในครอบครัวของเค้าลงรอย กันไหม? ถ้าไปเจอคนที่สมาชิกในครอบครัวรักใคร่กลมเกลียวกันดี ก็น่าจะส่อเค้าที่ดีว่า เค้าน่าจะเป็นคนรักครอบ-ครัว และให้ความสำคัญของครอบครัวนะ ว่าแต่ต้องตรองดูเหมือนกันนะว่า ครอบครัวไหนที่เค้ารักมากกว่ากัน เอ๊ะ จะเป็นครอบครัวเดิม หรือครอบครัวใหม่ที่คุณทั้งคู่กำลังจะเริ่มต้นด้วยกัน...ฮ้ะ

5. ความเลื่อมใสและศรัทธา พอจะไปกันได้ไหม
?

เชื่อไหมว่า แม้คนที่มีความแตกต่างกันสุดขั้ว แต่ถ้าเปิดใจกว้างและมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน คู่รักคู่นั้น ก็สามารถครองรักกันได้ตลอดรอดฝั่งแน่นอน เหตุนี้ ถ้ายังมีอะไรที่เข้าใจไม่ตรงกัน ก็ควรคุยกันก่อนจะได้ไม่เสียใจทีหลัง

6. ชอบและไม่ชอบอะไรบ้าง
?

สถานที่ท่องเที่ยวแบบไหนที่คนที่คุณแอบรักชอบบ้างน้า
? จะได้ดอดไปเที่ยวกันสองต่อสองไง หรืออาหารจานเด็ดประเภทใดที่เราชอบเหมือนๆกัน ถ้าชอบอะไรคล้ายกันมันก็ดีไปอย่าง เพราะจะได้ไปไหนมาไหนหรือมีกิจกรรมร่วมกันดีออก

แต่ถ้ามีที่ชอบไม่ เหมือนกัน ก็อย่าได้ถอดใจตีจากกันไปซะก่อน เพราะบางทีการเรียนรู้ในสิ่งที่ชอบต่างกันอาจส่งผลดีกว่าในแง่ที่จะได้เปิด โลกทัศน์ ใหม่ๆก็ได้นะ

7. งานอดิเรกชอบทำอะไร
?

เค้าชอบทำอะไรยามว่างบ้างล่ะ ดูหนังฟังเพลง หรือชอบไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะ แล้วช็อปปิ้งไปด้วย หรือนิยมไปออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายที่โรงยิมหรือฟิตเนส บางคนชอบไปเล่นตีแบด หรือหวดลูกสักหลาดก็ขึ้นอยู่กับความถนัด งานอดิเรกเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยบอกให้รู้ได้ว่า คุณกับเค้าจะไปกันได้ไหม
?

8. ความต้องการทางร่างกาย

เค้า เป็นนักรักบันลือโลก หรือแบบขันที กันแน่
? ซึ่งแรงสิเน่หานี่แหละเป็นสิ่งที่ควรนำมาพิจารณาชั่งใจกันให้ถี่ถ้วน เพราะถ้าเค้าน่ะวันๆเอาแต่คิดถึงเรื่องหลีสาว แถมยังสะสมวีซีดีที่รู้ๆกันไว้เพียบ ตรงข้าม คุณกลับเฉยๆชาๆกับความต้องการในด้านนี้ ขืนจับคู่กันระวังจะเกิดความ ไม่สมดุลได้นะ หรือถ้าคุณเป็นจอมหื่น ก็ยากที่จะไปกันได้ดี คิดดีดีน่ะจ้ะ

9. การวางแผนครอบครัวก่อนไหม
?

เอ๊ะ ถ้าร่วมหัวจมท้ายกันไป เราจะรีบมีลูกหรือชะลอไว้ก่อน ของพรรค์นี้ถ้าคุยกันอย่างเปิดใจก่อนก็น่าจะดี ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวคงได้ทะเลาะกันจนต้องเลิกราไปตามกรรมใครกรรมมันหรอก

10. การสมรส

ถึงเวลาหรือยังที่ควรจะเป็นฝั่งเป็นฝาซะที แล้วคนที่คุณคบอยู่ตอนนี้เค้าเป็นคนที่ใช่แน่แล้วเหรอ
? คุณมองเค้าแล้วเห็นอนาคตร่วมกันหรือเปล่า? ไม่ใช่ มองเห็นแต่ความว่างเปล่า หรือเต็มไปด้วยความไม่ พร้อมของทั้งคู่ ทั้งสองพร้อมจะรักและให้อภัยในความถูกมั่งผิดมั่งของกันและกันจริงนะ ถ้าในเมื่อยังมีสิทธิ์ที่จะเลือกได้อยู่ ก็ขอให้เลือกด้วยหัวใจและใช้สมองติ๊ดนึง ขืนเบื่อกันทีหลังล่ะจะทำไง ยังไงก็ไตร่ตรองคิดให้ดีก่อนน๊า.

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อกหัก...กับ...แอบรัก??

การแอบรักคืออะไร..??
ความหมายมันมากพอกับคำว่ารักคืออะไรจิงมั้ย?? แต่ไม่ว่าจะเป็น "รัก หรือ แอบรัก" ก็ตามมันก็ยากที่จะเข้าจัยอยู่ดีการแอบรักบางครั้งมันเป็นเรื่องดี...- แอบมองอยู่ห่างๆ -- แอบเป็นห่วง - - แอบชื่นชม -- แอบซื้อของไปให้ -- แอบทำอะไรดีๆหั้ยเค้า สร้างความประทับใจหั้ย -ฯลฯมันก็เป็นเรื่องดีที่การแอบรักไม่ต้องเจ็บเพราะ..เราไม่ใช่เจ้าของเค้าและเราไม่มีสิดนัยตัวเค้าไม่ว่าจะอะไรก็ตามซึ่งแน่อยู่แล้ว..ไม่มีแน่นอนที่เค้าจะทำหั้ยเราเสียจัยแต่คัยจะรู้ว่าการที่อกหักถึงแม้จะต้องเหน็ดเหนื่อยกับความรักมากเพียงใดเราก็พร้อมที่จะทำ..เพราะ"รัก"การที่เราจะอกหักนั่นหมายความว่าเรามีความรัก..และความรักนั้นได้จบลงเมื่อฝ่ายนึงตัดสินใจเดินจากไปโดยเหลืออีกคนที่ต้องแบกความทุกข์ ความเสียจัยวั้ยแต่อย่างน้อย...อกหัก เรายังได้รู้จักคำว่ารักยังได้สัมผัสถึงความรักถึงแม้จะเป็นรักที่ลวงๆก็ตามเราได้มีความทรงจำดีๆร่วมกันได้ทุกข์มาด้วยกัน...คอยเดินเคียงข้างกันจับมือกันเมื่อรู้สึกไม่มั่นใจมีไหล่หั้ยซบเวลาที่ท้อ...มีคำปลอบโยนเบาๆมีคนที่เข้าจัย คอยเป็นห่วงเป็นใยอยู่ตลอดเวลามีคนคอยเทคแคร์แต่...สำหรับคนที่แอบรักมันแตกต่างกับการอกหักอย่างมากเพราะเนื่องจากแอบรัก...ซึ่งนั่นก็หมายความว่ารักเค้าข้างเดว...นั่นก็แสดงหั้ยเห็นอยู่แล้วว่าเราไม่มีทางได้ความรักจากคนๆนั้นมาอย่างแน่นอนนอกจากการทุ่มเททั้งกายและใจไม่ว่าจะมากจะน้อยแต่ก็ไม่ได้ผลตอบแทนกลับมาเลยแต่ก็ยังที่เต็มใจจะทำเพราะคนแอบรักไม่ขออะไรมาก.......แค่เพียงได้มองอยุ่ห่างๆ..ก็มีความสุขแล้วในบางครั้งความรู้สึกไม่ดีๆก็มีเข้ามาแต่ก็ต้องทำใจยอมรับ...เพราะ เราเลือกเองที่จะเป็นแบบนี้เราไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากคอยมองอยู่ห่างๆ คอยเป็นกำลังจัยหั้ยโดยที่เจ้าตัวเค้าไม่รู้เลยว่ามีคนคอยจับตาดูเค้าตลอดทุกฝีก้าวด้วยความเป็นห่วงเป็น และด้วยรักที่ไม่ต้องการผลตอบแทน..คำบางคำจากปากเค้า...แม้มันจะทำร้ายเราขนาดไหนแต่เราก็ต้องทนฟังเราต้องเข้มแข็ง เราจะท้อไม่ได้ไม่ว่าเราจะเป็นยังงัยถ้าเค้าท้อ..เค้าเหนื่อย...แล้วเราท้อไปด้วยคัยจะคอยอยุ่เคียงข้างเค้าล้ะคัยล่ะที่จะคอยหั้ยกำลังจัย คอยดูแลเค้าเพราะฉะนั้นชั้นสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่ท้อเด็ดขาดเหนื่อยนักก็พัก..พอหายเหนื่อยแล้วชั้นก็จะลุกขึ้นเดินต่อไปเพื่อจะไปเจออุปสรรคที่จะทำหั้ยเราเข้มแข็งขึ้นชั้นเชื่อว่าซักวันชั้นจะเดินไปหั้ยถึงความสุขและชั้นก็เชื่อว่าซักวันหนึ่งมันจะเป็นวันของชั้นอย่างแน่นอนแต่ชั้นก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อหั้ยเทอมีความสุขคุณคิดว่าอกหัก กับ รักเค้าข้างเดียวอะไรมันแย่กว่ากัน??สำหรับฝ้ายนะฝ้ายคิดว่ารักเค้าข้างเดียวมันทรมานเพราะเราไม่สามารถทำอะไรได้เลยอะไรจะเกิดก็ต้องก้มหน้ายอมรับมันแต่โดยดีไม่ว่าผลจะออกมา บวก หรือ ลบ ก็ตามเราก็ต้องทำใจยอมรับมันให้ได้เพราะเราตกอยู่ใต่คำว่า "แอบรัก"

ความรู้สึกการที่ได้แอบรักใครซักคน

ฉันชอบความรู้สึกของการได้ "แอบรัก" ใครซักคน หนึ่งชีวิตของคนเราถ้าได้รู้สึกถึง... "ความรักแบบไม่ครอบครอง" บ้างก้อคงจะดีไม่น้อยโลกคงไม่วุ่นวายไม่ยื้อแย่งไม่ครอบครอง และความรักก้อคงจะไม่ "เห็นแก่ตัว" อย่างที่ดำเนินอยู่ ขึ้นชื่อว่า "แอบรัก" แล้วล่ะก้อ... ฉันเชื่อว่ามันไม่ใช่อาการที่ต้องการจะเปิดเผยตัวไม่อยากให้ใครได้รู้ได้เห็น ความสุขเกิดขึ้นได้ในมุมเงียบๆและปราศจากการครอบครอง ความรักแบบเงียบกริบสอนให้คนปล่อยวาง และหัวใจอ่อนโยน ไม่ปรารถนาอะไรมากไปกว่าการได้รัก และมากที่สุดก้อคงจะเป็นแค่ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่า ..."รัก"… เท่านั้นเองที่ความรักต้องการ... คงเหมือนกับไม่ขีดไฟแอบหลงรักดอกทานตะวัน สุดท้ายมันก้อต้องการแค่เพียงแค่ให้ดอกทานตะวันหันมองแสงอันน้อยนิดของมัน... แม้จะเป็นแสงสุดท้ายที่ถูกจุดขึ้นเพื่อดับลงตลอดกาลก้อตาม เชื่อไหม???... ฉันเคยรู้จักคนๆนึงที่แอบรักใครอีกคนได้นานเป็นปีๆ โดยไม่เคยแสดงตัวต่อความรักของเขา หญิงสาวใช้โทรศัพท์เป็นสื่อแสดงความรู้สึกตลอดมา ทุกคืน...เธอจะยกหูโทรหาเขา แม้บางครั้งด้วยคำพูดสั้นๆแค่ว่า "นอนหลับฝันดี" เท่านั้นก้อตาม ชายหนุ่มไม่เคยเห็นหน้าเธอ ทั้งที่ความเป็นจริงนั้นเธออยู่รอบตัวเค้าตลอดเวลา ...เธอเคยเดินผ่านเขาใกล้กันแค่เอื้อมมือคว้า แต่เขาไม่รู้จักเธอ... ...เธอเคยสบตาเขาแต่เขาไม่เห็นแววตาเธอ... ...เธอเคยยืนตรงหน้าเขาแล้ว(แอบ)ฟังเขาพุดคุยกับเพื่อนของเขา แต่เค้าไม่ได้พูดกับเธอ... ทั้งหมดเป็นความสุขของหญิงสาว... "สุขที่ได้เห็นเขาโดยที่เขาไม่จำเป็นจะต้องเห็นเธอ" การติดต่อของเค้าและเธอสิ้นสุดลง ในวันที่ชายหนุ่มมีคนรักที่แสดงตัวอย่างชัดเจน เค้าเลือกที่จะรักคนอื่นเพราะในความคิดของเค้า ...หญิงสาวไม่มีตัวตน... หญิงสาวห่างออกมาไม่อนุญาตให้ตัวเองเข้าใกล้เค้าอีก เธอคำนึงถึงความถูกต้องและ...ทุกอย่างย่อมมีเจ้าของเมื่อถึงเวลา ...ความรักของเธอบริสุทธิ์เกินกว่าจะทำร้ายใคร... ในเมื่อชายหนุ่มเลือกที่ปักดอกไม้อื่นลงบนแจกันของเค้า ต่อให้เธอสวยงามกว่าดอกไม้ดอกนั้นเพียงใดเธอก้อไม่อาจแสดงตัวได้... แต่เธออนุญาตหัวใจให้รักเค้าได้เท่าเดิมและคงจะไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้ เพราะ "รักแท้" สอนให้เธอมีความสุขได้ แม้ "ไม่ได้เป็นเจ้าของ" หรือ "ถูกครอบครอง" และ "รักแท้" นี่เองที่จะทำให้ดอกไม้อย่างเธอไม่มีวันแห้งเหี่ยว "แม้ว่าเธอจะเป็นดอกไม้ไร้ชื่อ... ที่ไร้แจกันตลอดไป...ก้อตาม"

นิยามอกหักซึ้งๆ

นิยามอกหักซึ้งๆ จงยิ้มเข้าไว้ แม้จะเจ็บปวด

ในขณะที่เราคิดถึงคน ๆ นึงตลอดเวลาเค้าคนนั้นก็อาจคิดถึงคนอื่นอยู่ก็เป็นได้และบางครั้ง ก็อาจมีคนที่คิดถึงเรา โดยที่เราไม่สนใจเลยเช่นกันบางครั้ง การได้ฝันไปคนเดียว มันก็ดีกว่าการได้รู้ความจริงที่ว่าสิ่งที่เราคิดทั้งหมด มันคือความฝันของเราเองเพียงคนเดียวฉะนั้น ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะจมกับความฝันมากกว่าการได้รับรู้ความจริงการไม่ได้เป็นที่ 1 ในใจเค้า ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า...เราอาจเป็นที่ 2 ซึ่งมันก็ยังดีกว่าเป็นที่ 3 ที่ 4...และหากเราเป็นที่ 10 ในใจเค้า...ก็ขอให้คิดไว้ว่า ดีกว่าเราไม่มีความสำคัญอะไรในใจเค้าเลย
แต่โปรดจำไว้เถอะว่าหากหัวใจของคุณยังไม่ร้องไห้ออกมาดัง ๆพร้อมกับพูดกับตัวเองว่า...ชั้นเหนื่อยเหลือเกินแล้วโปรดห้ามใจเถอะ ก่อนที่ชั้นจะอ่อนล้าไปกว่านี้...ก็จงชอบต่อไปเถอะการรักใครซักคน ไม่ต้องการความพยายาม"การตัดใจ"ต่างหาก ที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมายลองชั่งน้ำหนักในใจเราดูสิว่า ความสุขยามที่คุณได้สบตาเค้ากับความทุกข์ยามที่คุณต้องคอยหลบตาเค้าอันไหนมันหนักหนากว่ากันอย่าโทษตัวเอง ที่มาเจอเค้าสายเกินไป...อย่าโทษเค้าที่ไม่มีใจให้...อย่าโทษโชคชะตาที่ทำให้เราพบกัน แต่ไม่ได้ทำให้เราใจตรงกัน
แต่จงยิ้มให้กับตัวเองที่อย่างน้อย ถึงจะพบกับเค้าคนนั้นสายเกินไปแต่ก็ยังได้พบ...ยิ้มให้เค้า ที่ถึงจะไม่ได้ให้ใจเรามาแต่ก็ยังได้รับหัวใจของเราไป...ยิ้มให้กับโชคชะตาที่ยังทำให้เรา...ได้รู้จักกันคุณควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ครั้งหนึ่งคุณได้เจอคนที่คุณอยากเก็บรอยยิ้มของเค้าไว้คนเดียวคนที่คุณใส่ใจกว่าตัวคุณเอง...คนที่ทำให้คุณหัวเราะ...และร้องไห้ได้มากมาย...คนที่เพียงแค่ยิ้มของเค้าก็สามารถเปลี่ยนวันที่หมองหม่น...ให้กลายเป็นวันที่สดใสเท่านี้มันก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช่หรือ?แค่การได้เห็นคนที่เรารักได้หัวเราะอยู่กับใครสักคนที่เค้ารักมากที่สุด...นั่นแหละคือความสุขของการได้รัก...อย่างจริงใจ

นิยามของความรัก

นิยามของความรัก
หากจะให้นิยามคำว่ารัก คำๆ นี้ จะมีความหมายกว้างมากๆ เหตุเพราะจิตใจที่ยากจะหยั่งถึงของคนเรา... คนทั่วๆ ไป มักจะให้ความหมายของคำว่ารักอย่างง่ายๆ เช่น รักคือการให้ นักวิยาศาสตร์ ก็อาจจะให้ความหมายของคำว่ารักว่า รักเป็นเพียงแค่ อารมณ์ความรู้สึกอีกรูปแบบหนึ่งของมนุษย์ หรือหากเป็นเด็กๆ วัยรุ่นสักหน่อย ก็จะให้ความหมายของคำว่ารัก แตกต่างออกไป เช่น “รักนะเด็กโง่” “รักนะแต่ไม่แสดงออก” “รักนะ รถอ่ะ มีรึเปล่า” ร้อยแปดพันเก้า ต่างๆ นาๆ แตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัย ทั้งทางด้านวุติภาวะ สภาพแวดล้อม การเลี้ยงดู อาหารการกิน เพลงที่ฟัง โรงเรียนที่เรียนจบ เพื่อนที่คบ วัฒนธรรมความเป็นอยู่ และอีกมากมายหลายอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปถึงพื้นฐาน... ความหมายของคำว่ารัก ก็พอที่จะสามารถสรุปออกมาให้เป็นเรื่องเป็นราวได้เช่นกัน ลองมาดูคำนิยามของความรัก ด้านล่างเหล่านี้ ว่าจะใช่ส่วนประกอบที่ถูกต้องของความรักหรือไม่ อาจจะยังไม่ครบถ้วนทั้งหมด แต่หากทำได้ ก็พอจะใกล้เคียงกับคำว่า ความรักที่แท้จริง อย่างแน่นอน รักคือการยอมรับซึ่งกันและกัน การให้การยอมรับ คือความรู้สึกเข้าใจในตัวตนของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างไม่มีเงื่อนไข เช่น ถ้าหากเขาหรือเธอเป็นคนอ่อนแอ ก็ใช้วิธีให้กำลังใจ มากกว่าการตำหนิ.. ถ้าหากเขาหรือเธอเป็นคนบ้างาน ก็คอยให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุน. การเกิดความรู้สึกยอมรับ คือการบอกกับตัวเองว่า โอเค, เพียงพอแล้ว ไม่ต้องการสิ่งพิเศษอันใดเพิ่มเติมอีก.. หรือหากว่าจะให้สุดยอดกว่านี้ นอกจากจะไม่ต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมแล้ว ยังหมายถึงความรู้สึกชื่นชมยินดีในตัวตนของอีกฝ่ายหนึ่งด้วย (เฮ้ออ.. ฟังดูยากจริงแฮะ) รักคือความต้องการที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี และมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเอาใจใส่, ใช้เวลาร่วมกัน, พูดจากันด้วยเหตุผลมากกว่าการใช้อารมณ์, เคารพในสิทธิของแต่ละฝ่าย ฯลฯ และหากคิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีและมีความสุขได้เช่นไร ลองเริ่มต้นด้วยการคิดว่า สิ่งที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกดีและมีความสุขคืออะไร เมื่อเข้าใจแล้ว ก็มอบสิ่งๆ เดียวกันนี้ ให้กับอีกฝ่ายหนึ่งไป การใส่ใจในความรู้สึก และการสร้างความสุข เป็นอีกหนึ่งพื้นฐานสำคัญ ที่จะทำให้ความรักมั่นคง และยั่งยืนยาวนาน (อ่านบทความ การออกเดท ความรัก ความสัมพันธ์ ได้ที่ http://www.NadDate.com และทางโทรศัพท์มือถือในระบบ AIS(GSM/1-2-call) ผ่านทาง http://wap.mobilelife.co.th เลือกเมนู Chat / Community สำหรับผู้ที่ต้องการนำเรื่องไปใช้ กรุณาให้เครดิตที่มา จาก NadDate.com ค่ะ)รักคือการคำนึงถึงความปลอดภัยในสายสัมพันธ์คำนิยามนี้ หมายถึง การคำนึงถึงองค์ประกอบต่างๆ และเป็นวิธีที่จะทำให้สายสัมพันธ์ในชีวิตคู่มีสุขภาพแข็งแรง.. นี่เป็นอีกระดับหนึ่ง ที่สูงขึ้นมาจากคำนิยามในข้อที่แล้ว เพราะการทำให้สายสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างปลอดภัย ยังรวมไปถึง สิ่งอย่างเช่น การร่วมกันฝันฝ่าอุปสรรคต่างๆ, การยื่นมือให้ความช่วยเหลือในยามจำเป็น, การไม่โกหก สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนวัคซีนที่ให้บริการฟรี (เพราะคุณสร้างขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง) มันจะป้องกันไม่ให้ความรักเจ็บป่วย หรืออ่อนแอ รักคือการเพิกเฉยต่อรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เข้าท่าเรื่องที่ไม่เข้าท่า คือ เรื่องอย่างเช่น “อ๊ะ เมื่อวานเธอคุยโทรศัพท์กับใครบ้าง” หรือการเอาแต่ทำตัวจู้จี้จุกจิก เช่น “วันนี้เลิกงานดึกมากเหรอ แต่ยังไงก็ต้องมาหาเรานะ” (จริงๆ แล้ว ควรจะพูดว่า “วันนี้เลิกงานดึกมากเหรอ รีบกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”) การเก็บรายละเอียดไปหมด แม้แต่ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จะะส่งผลแย่ๆ คือทำให้ทั้งตัวเองและฝ่ายตรงข้าม เกิดอาการเบื่อ และหงุดหงิดใจไปพร้อมๆ กัน... รักคือความอดทน และเชื่อใจกัน เคล็ดลับของสายสัมพันธ์ความรักที่ดี คือความอดทนและเชื่อใจกัน... ความไว้ใจ และความเชื่อใจ เป็นจุดเริ่มต้น ที่จะทำให้เราเกิดความรู้สึกดีภายในใจของตัวเราเองก่อน พอเรารู้สึกดี ความกังวลก็จะน้อยลง และเราก็จะไม่ไปคิดในด้านไม่ดี หรือไม่ไปใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี่จึงเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการเริ่มต้นรักตัวเอง พอรักตัวเองเป็นแล้ว ก็จะรักคนอื่นเป็นด้วย ดังนั้น จึงควรระลึกเอาไว้ในใจบ่อยๆ ว่า ความอดทนและความไว้ใจเป็นเรื่องสำคัญมาก พอเริ่มชินกับคำสองคำนี้ ก็จะประนีประนอมต่อกันได้ และจะช่วยให้ขีวิตรัก มีความสุขมากขึ้นเช่นกัน

นิยามแอบรัก

นิยามแอบรัก ความรักที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน แค่หวังที่จะได้รักเขา ขอแค่ให้เขามีความสุขกับสิ่งที่เขาชอบ ให้เขามีความสุขและยิ้มได้ แค่นี้ก็พอ การได้แอบรักใครซักคน ทำเพื่อเขาทุกๆอย่าง แม้เขาจะไม่รู้ หรือ จะรู้ก็ตาม เราไม่ได้บอกว่ารักเขา แต่เรามีความสุขที่ได้แอบรักเขา ก็เพียงพอ ดีกว่าให้เขารับรู้แล้วเขาปฏิเสธเรา จะเจ็บแค่ไหน? เราจะทนได้ไหมถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ? คำว่ารักนั้นบอกได้ง่ายมาก แต่มีอย่างหนึ่งที่บอกยาก คือ การบอกลา ยากยิ่งกว่าข้อสอบ NT ทุกข้อ เจ็บยิ่งกว่าหกล้มเลือดออก ยากที่จะทำใจ ยากที่จะลืมเขาได้ ในวันที่เขาเปลี่ยนใจจากเรา ไม่ใช่ว่าไม่ให้บอกเขาไปเลยว่ารัก ก็คงต้องเลือกเวลาที่เหมาะสมซักหน่อยมั้ง เลือกถูกเวลาก็ดีไป ถ้าเลือกผิดเวลาเมื่อไหร่ เราคงเจ็บมากนะคะ... โดยที่เขายังยืนหน้าตาเฉยอยู่นั้น เราอาจทรุดตัวลงในกับพื้น แล้วร้องไห้ ไม่ก็วิ่งหนีจากเขาไปไกลที่สุดเท่าที่ทำได้ ............................................. ความรัก....เหมือนดอกไม้.....ที่เวลาอยู่ที่ต้นปกติ ก็จะสวย...เหมือนเดิม....แต่เมื่อไหร่ที่เราไปเด็ดดอกไม้นั้นมา.... ดอกไม้ดอกนั้นมันคงอยู่ได้อีกสักพัก...ก็คงเ่่ยวไป..... เราก็คงทำได้แค่รักษาดอกไม้ดอกนั้น...ให้อยู่ที่ต้นของมัน ให้สวยงามอย่างนั้น...และอยู่ใกล้ๆเรานานที่สุด....

ความรักของวัยรุ่น

ความรักของวัยรุ่น
ความรัก เป็นคำที่มีความหมายได้หลายอย่างและมีได้หลายรูปแบบ
คำที่มีความหมายในกลุ่มเดียวกัน ได้แก่ ความชอบ ความสนใจ ความพึงพอใจ ความดึงดูดใจ ความหลงใหล ความคลั่งไคล้ ความลุ่มหลง จอห์น ลี (John Lee) ได้เขียนหนังสือชื่อThe colors of love แยกความรักออกเป็น 6ชนิดคือ
1. Eros เป็นความรักที่มีความใคร่เกี่ยวข้องและมีความปรารถนาที่จะรวมกับบุคคลที่รัก
2. Mania เป็นความคลั่งไคล้ และมีความต้องการสูง ซึ่งมักก่อให้เกิดความเจ็บปวด และความวิตกกังวลเพราะมีความต้องการความสนใจจากอีกฝ่ายหนึ่งมากอย่างไม่สิ้นสุด
3. Ludis เป็นความรักในลักษณะคล้ายกับต้องการชนะการแข่งขัน เพื่อสนองความหลงตัวเอง หรือความเห็นแก่ตัว
4. Storge เป็นความรักแบบเพื่อน เป็นความรักที่สงบและแน่นแฟ้นระหว่างเพื่อนสนิท
5. Agape เป็นความรักที่มีแต่ความเมตตา อดทนและให้อภัยเสมอ
6. Pragma เป็นความรักที่มีเหตุผล และได้พิจารณาตรึกตรองดีแล้ว ความรักของคนเราที่มีต่อบุคคลต่างๆ จึงไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน และอาจมีรูปแบบแตกต่างกันได้ เช่น ความรักต่อพ่อแม่ ความรักต่อลูก ความรักต่อเพื่อน ความรักแบบหนุ่มสาว ความรักต่อสังคมและประเทศชาติ ฯลฯ แฮทฟิลด์ และวอลสเตอร์ (Hatfield and Walster) กล่าวถึงความรัก 2 ชนิดคือ
1. Passionate love เป็นความรักที่มีความใคร่เป็นส่วนสำคัญ และมีอารมณ์หลายอย่างเกี่ยวข้อง ทั้งความอ่อนโยน ความสนุกสนานครื้นเครง ความเจ็บปวด ความวิตกกังวล ความสบายใจ ความเสียสละและความหึงหวง
2. Companionate love เป็นความรักแบบมิตรและมีความผูกพัน มีความเข้าใจ และห่วงใยในสวัสดิภาพของคนที่รัก ความรักแบบนี้มีอารมณ์รุนแรงน้อยกว่า มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งเสริมให้คนเกิดความรักบุคคลอื่นได้ง่ายขึ้น การวิจัยพบว่า โอกาสในการเกิดความรักขึ้นกับปัจจัยต่างๆ คือ
1. ความใกล้ชิด เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเกิดความรักกันได้ง่ายขึ้น คนที่อยู่ใกล้ชิดกันหรือทำงานร่วมกัน จึงมักกลายเป็นเพื่อนสนิท เป็นคนรัก หรือแต่งงานกัน ทั้งนี้เพราะความใกล้ชิดทำให้คนมีโอกาสผ่านประสบการณ์ต่างๆ ที่ดีๆ ร่วมกันได้มาก
2. ความดึงดูดใจทางกายภาพ คนที่มีรูปร่างหน้าตาดี มีโอกาสที่คนจะมาหลงรัก มากกว่าคนที่ไม่สวย ไม่หล่อ ทั้งนี้เพราะความสวยงามเป็นสิ่งที่คนทั่วไปปรารถนา และค่านิยมของคน มักมีความภูมิใจที่มีคู่ควงหน้าตาดี อีกทั้งมักมีใจเอนเอียงจะเชื่อว่า"ความสวยคือความดี" หรือ "คนสวยเป็นคนดี" อยู่แล้ว คนสวยทำอะไรจึงมักได้รับความชื่นชม ทำผิดก็ได้รับการอภัย
3. ความเหมือนหรือคล้ายกัน คนเรามักชอบคนที่มีหลายๆ สิ่งคล้ายคลึงกัน เช่น นิสัยใจคอ ค่านิยม งานอดิเรก รสนิยม เจตคติ ฯลฯ เหตุผลอาจเป็นเพราะมีความรู้สึกว่า จะสามารถเข้ากันได้ง่ายกว่า มีอยู่บ้างที่บางคนอาจชอบคนที่มีลักษณะแตกต่างจากตน แต่ก็ต้องเป็นแบบที่เข้ากันได้ คล้ายกับการต่อภาพให้สมบูรณ์ การรักชอบบุคคลที่มีความคล้ายตัวเองนั้น อย่างน้อยก็เป็นการเสริมความรู้สึกภูมิใจว่าตนเองนั้นใช้ได้ บางครั้งความเหมือนกันอาจมีน้อยกว่าที่เป็นอยู่ในความเป็นจริง แต่ความเอนเอียงทำให้รับรู้ว่าคนที่รักนั้น คล้ายกับตัวเองมากกว่าที่เป็นจริง เมื่อใกล้ชิดกันแล้วก็อาจพยายามโน้มน้าวให้คนรักมีการปฏิบัติตัว และเปลี่ยนเจตคติให้เหมือนตนยิ่งขึ้นอีก
ในกรณีที่คนบางคนมีความสนใจชอบพอคนอื่นในลักษณะที่ต่างจากนี้ เช่น รักคนที่มีความแตกต่างกันมากๆ ทั้งฐานะทางสังคม เศรษฐกิจ การศึกษา อายุ เชื้อชาติ คงต้องหาคำอธิบายที่มีเหตุผลเพียงพอ ซึ่งบางครั้งอาจเป็นด้วยปมบางอย่างที่อยู่ในจิตไร้สำนึกของเขา
ความรักเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นในชีวิตของคนทุกคนและมีความสัมพันธ์กับสุขภาพจิต คนที่เกิดมาได้รับความรักจากพ่อแม่และบุคคลในครอบครัวอย่างเหมาะสม มักมีพัฒนาการทางจิตใจที่ดี และเติบโตเป็นคนที่มีสุขภาพจิตดี
คนที่มีสุขภาพจิตดี ต้องรู้จักให้และรับความรักอย่างเหมาะสม เริ่มตั้งแต่รักตัวเองเป็น รักพ่อแม่ญาติพี่น้อง รักเพื่อน รักคู่ครอง รักลูกและรักเพื่อนมนุษย์ ตลอดจนรักเพื่อนร่วมโลกอื่นๆ ด้วย
คนที่รักใครไม่เป็น หรือชิงชังคนทั่วไปหมด เป็นคนที่มีสุขภาพจิตไม่ดีอย่างแน่นอน และมักมีพยาธิสภาพที่เกิดจากพัฒนาการในวัยเด็ก
เด็กเล็กๆ เรียนรู้ความรักจากพ่อแม่ เด็กสามารถรู้สึกได้ถึงความรักของพ่อแม่ที่แสดงต่อลูก เมื่อได้รับความรักอย่างเหมาะสม ก็เริ่มเรียนรู้ที่จะรักพ่อแม่บ้าง ส่วนใหญ่แล้วในตอนเล็กๆ มักเป็นความผูกพัน ร่วมกับความต้องการพึ่งพิง (dependency need)
เมื่อโตเข้าสู่วัยรุ่น เริ่มเรียนรู้ที่จะรักเพศตรงข้าม โดยมีแรงขับทางเพศเป็นส่วนประกอบ ความรักของวัยรุ่น มักมีอารมณ์เป็นพื้นฐาน ยังไม่มีการใช้เหตุผลมากนัก จึงยังไม่จริงจังและมักเปลี่ยนแปลงได้ ความรักแบบนี้จึงคล้ายกับการเล่น ซึ่งอาจเกรียกว่าความรักแบบลูกสุนัข (puppy love)
ความรักที่มีเหตุผล จะเกิดขึ้นเมื่อคนมีพัฒนาการจนมีวุฒิภาวะ (maturity) จึงรู้จักใช้ความคิดพิจารณาเหตุผล และตัดสินใจรักบุคคลที่เหมาะสม ความรักแบบนี้จึงเป็นแบบที่ไม่มีพิษมีภัย สามารถให้คำอธิบายได้ว่า ทำไมจึงรักมิใช่เพียงแค่รู้ว่ารักคนนั้นคนนี้ แต่ไม่สามารถตอบได้ว่า ทำไม
ความรักแบบมีความใคร่ร่วมด้วย มักก่อให้เกิดความคาดหวังสูง การที่มีอารมณ์หลายอย่างเกี่ยวข้อง มักทำให้เกิดความสับสนได้ง่าย และถ้าประสบความผิดหวังก็อาจมีปฏิกิริยารุนแรง
คนที่คิดจะมีความรัก ควรรู้จักประเมินตนเองก่อนและเลือกรักคนที่เหมาะสม โดยต้องไม่คาดหวังสูงเกินไปและเตรียมใจไว้เผื่อความผิดหวังบ้าง
ความผิดหวังในความรัก หรืออกหัก เป็นประสบการณ์ที่คนส่วนใหญ่เคยพบมาบ้างในชีวิต แต่ปฏิกิริยาต่อการอกหัก มักไม่รุนแรงและมีระยะเวลาจำกัด
คนที่อกหักและฆ่าตัวตาย เกิดขึ้นเพราะคนนั้นมีพยาธิสภาพในจิตใจของเขาเอง ซึ่งมีได้หลายรูปแบบ เช่นไม่เคยได้รับความรักจากพ่อแม่หรือใครอื่น จึงมาคาดหวังจากบุคคลอื่น และทุ่มเทมากเกินไป การถูกสลัดรัก อาจเป็นการรื้อฟื้นความรู้สึกว่าถูกรังเกียจ (rejection) ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในชีวิตเขา
ความรักเป็นประสบการณ์ที่สำคัญของชีวิตเราทุกคน เป็นกลไกลสำคัญที่ทำให้ชีวิตบนโลกดำเนินต่อไป และมีการสืบเผ่าพันธุ์
จงรู้จักรักให้เป็น และใช้ความรักในทางที่สร้างสรรค์ สุขภาพจิตก็ดี
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความรัก
1. ความใกล้ชิด เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเกิดความรักกันได้ง่ายขึ้น คนที่อยู่ใกล้ชิดกันหรือทำงานร่วมกัน จึงมักกลายเป็นเพื่อนสนิท เป็นคนรัก หรือแต่งงานกัน ทั้งนี้เพราะความใกล้ชิดทำให้คนมีโอกาสผ่านประสบการณ์ต่างๆ ที่ดีๆ ร่วมกันได้มาก
2. ความดึงดูดใจทางกายภาพ คนที่มีรูปร่างหน้าตาดี มีโอกาสที่คนจะมาหลงรักมากกว่าคนที่ไม่สวย ไม่หล่อ ทั้งนี้เพราะความสวยงาม เป็นสิ่งที่คนทั่วไปปรารถนา และค่านิยมของคนมักมีความภูมิใจที่มีคู่ควงหน้าตาดี อีกทั้งมักมีใจ เอนเอียงจะเชื่อว่า "ความสวยคือความดี" หรือ "คนสวยเป็นคนดี" อยู่แล้ว คนสวยทำอะไรจึงมักได้รับความชื่นชม ทำผิดก็ได้รับการอภัย
3. ความเหมือนหรือคล้ายกัน คนเรามักชอบคนที่มีหลายๆ สิ่งคล้ายคลึงกัน เช่น นิสัยใจคอ ค่านิยม งานอดิเรก รสนิยม เจตคติ ฯลฯ เหตุผลอาจเป็นเพราะมีความรู้สึกว่าจะสามารถเข้ากันได้ง่ายกว่า มีอยู่บ้างที่บางคนอาจชอบคนที่มีลักษณะแตกต่างจากตน แต่ก็ต้องเป็นแบบที่เข้ากันได้ คล้ายกับการต่อภาพให้สมบูรณ์ การรักชอบ บุคคลที่มีความคล้ายตัวเองนั้น อย่างน้อยก็เป็นการเสริมความรู้สึกภูมิใจว่าตนเองนั้นใช้ได้ บางครั้งความเหมือน กัน อาจมีน้อยกว่าที่เป็นอยู่ในความเป็นจริง แต่ความเอนเอียงทำให้รับรู้ว่าคนที่รักนั้นคล้ายกับตัวเองมากกว่าที่เป็นจริง เมื่อใกล้ชิดกัน แล้วก็อาจพยายามโน้มน้าวให้คนรักมีการปฏิบัติตัวและเปลี่ยนเจตคติให้เหมือนตนยิ่งขึ้นอีก ในกรณีที่คนบางคนมีความสนใจชอบพอ คนอื่นในลักษณะที่ต่างจากนี้ เช่น รักคนที่มีความแตกต่างกันมากๆ ทั้งฐานะทางสังคม เศรษฐกิจ การศึกษา อายุ เชื้อชาติ คงต้องหาคำ อธิบายที่มีเหตุผลเพียงพอ ซึ่งบางครั้งอาจเป็นด้วยปมบางอย่างที่อยู่ในจิตไร้สำนึกของเขา
ความรัก เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นในชีวิตของคนทุกคนและมีความสัมพันธ์กับสุขภาพจิต คนที่เกิดมาได้รับความรักจากพ่อแม่ และบุคคลในครอบครัวอย่างเหมาะสม มักมีพัฒนาการทางจิตใจที่ดี และเติบโตเป็นคนที่มีสุขภาพจิตดี คนที่มีสุขภาพจิตดีต้องรู้จัก ให้และรับความรักอย่างเหมาะสม เริ่มตั้งแต่รักตัวเองเป็น รักพ่อแม่ญาติพี่น้อง รักเพื่อน รักคู่ครอง รักลูกและรักเพื่อนมนุษย์ ตลอดจนรักเพื่อนร่วมโลกอื่นๆ ด้วย คนที่ รักใครไม่เป็น หรือชิงชังคนทั่วไปหมด เป็นคนที่มีสุขภาพจิตไม่ดีอย่างแน่นอน และมักมีพยาธิสภาพที่เกิดจาก พัฒนาการในวัยเด็ก เด็กเล็กๆ เรียนรู้ความรักจากพ่อแม่ เด็กสามารถรู้สึกได้ถึงความรักของพ่อแม่ที่แสดงต่อลูก เมื่อได้รับความรัก อย่างเหมาะสม ก็เริ่มเรียนรู้ที่จะรักพ่อแม่บ้าง ส่วนใหญ่แล้วในตอนเล็กๆ มักเป็นความผูกพัน ร่วมกับความต้องการพึ่งพิง (dependency need) เมื่อโตเข้าสู่วัยรุ่น เริ่มเรียนรู้ที่จะรักเพศตรงข้าม โดยมีแรงขับทางเพศเป็นส่วนประกอบ ความรักของวัยรุ่น มักมีอารมณ์เป็น พื้นฐาน ยังไม่มีการใช้เหตุผลมากนัก จึงยังไม่จริงจังและมักเปลี่ยนแปลงได้ ความรักแบบนี้จึงคล้ายกับการเล่น ซึ่งอาจเรียกว่าความรัก แบบลูกสุนัข (puppy love) ความรักที่มีเหตุผล จะเกิดขึ้นเมื่อคนมีพัฒนาการจนมีวุฒิภาวะ (maturity) จึงรู้จักใช้ความคิดพิจารณาเหตุผล และตัดสินใจ รักบุคคลที่เหมาะสม ความรักแบบนี้จึงเป็นแบบที่ไม่มีพิษมีภัย สามารถให้คำอธิบายได้ว่าทำไมจึงรักมิใช่เพียงแค่รู้ว่ารักคนนั้นคนนี้ แต่ไม่สามารถตอบได้ว่า ทำไม ความรักแบบมีความใคร่ ร่วมด้วย มักก่อให้เกิดความคาดหวังสูง การที่มีอารมณ์หลายอย่างเกี่ยวข้อง มักทำให้เกิด ความสับสนได้ง่าย และถ้าประสบความผิดหวังก็อาจมีปฏิกิริยารุนแรง คนที่คิดจะมีความรัก ควรรู้จักประเมินตนเองก่อน และเลือกรักคนที่เหมาะสม โดยต้องไม่คาดหวังสูงเกินไปและเตรียมใจไว้เผื่อความผิดหวังบ้าง ความผิดหวังในความรัก หรืออกหัก เป็นประสบการณ์ที่คนส่วนใหญ่เคยพบมาบ้างในชีวิต แต่ปฏิกิริยาต่อการอกหัก มักไม่รุนแรงและมีระยะเวลาจำกัดคนที่อกหัก และฆ่าตัวตายเกิดขึ้นเพราะคนนั้นมีพยาธิสภาพในจิตใจของเขาเอง ซึ่งมีได้หลายรูปแบบ เช่นไม่เคยได้รับความรักจากพ่อแม่หรือใครอื่น จึงมาคาดหวังจากบุคคลอื่น และทุ่มเทมากเกินไป การถูกสลัดรัก อาจเป็นการรื้อฟื้นความรู้สึกว่าถูกรังเกียจ (rejection) ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำ แล้วซ้ำอีกในชีวิตเขา ความรักเป็นประสบการณ์ที่สำคัญของชีวิตเราทุกคน เป็นกลไกลสำคัญที่ทำให้ชีวิตบนโลกดำเนินต่อไป

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

“อารมณ์ไหนเมื่อฝนตก”

เดี๋ยว นี้ฝนตกได้แทบทุกวันเลย มันก็ดีเหมือนกันนะร้อนมานานแล้ว และน้องๆล่ะคะ เวลาฝนตกรู้สึกอย่างไรกันบ้าง



อันดับที่ 5 ได้ 7%
อารมณ์สนุก (ออกไปเล่นฝนกัน เยๆ)















ความฝันที่จะได้ออกไปลัลล๊ากลางสายฝน มันเหมือนจะทำง่ายๆ แต่ก็ไม่ง่าย ก็คุณพ่อคุณแม่น่ะสิ ชอบมาว่าเราอยู่เรื่อยจริงป้ะ? เพราะท่านกลัวว่าเราจะไม่สบาย ไปโรงเรียนไม่ได้ แต่ถ้าฝนต
กตอนไม่มีใครมาว่าแล้วก็ก็.... หึหึหึหึ เสร็จเรา

อันดับที่ 4 ได้ 9%
อารมณ์เศร้า (เพราะออกไปไหนไม่ได้)















หลายคนเศร้าเพราะไม่ได้ออกไปไหน แต่หลายคนก็บอกว่า เศร้าเพราะบรรยากาศมันพาไปต่างหากล้ะ เดี๋ยวนี้เวลาดูทีวี ตัวละครเศร้าทีไรก็ฝนตกทุกที ฝนเลยเป็นสัญลักษณ์แห่งความเศร้าในใจหลายๆคน

อันดับที่ 3 ได้ 19%
อารมณ์เปลี่ยว (หึหึหึหึหึ)















อารมณ์เปลี่ยว? อารมณ์เปลี่ยวคืออะไรนะ? อิอิ อย่าคิดลึกไป อารมณ์เปลี่ยวก็แค่อยากให้ใครซักคนมาอยู่กับเราแค่นั้นเอง (แก้ตัวเหงื่อตก) ถ้ามีคนที่เรารักมาอยู่ใกล้ๆ ก็หายเปลี่ยวแล้ว (เห
งื่อตกกว่าเดิม ฮ่าๆๆ)


อันดับที่ 2 ได้ 23%
อารมณ์เหงา (ก็บรรยากาศมันพาไป)
















เวลานั่งฟังเสียงฝน ซ่าๆ มันได้อารมณ์ไปอีกแบบนะ อารมณ์เหงาไง ใครที่เป็นคนเซนท์สิทีฟจัดๆเนี่ย อาจจะพาลร้องไห้ได้ง่ายๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ลองโทรหาเพื่อนสนิท คุยโทรศัพท์กัน อาจจะช่วยคลายเหงาได้นะ เพราะเพื่อนเรา ก็อาจเหงาอยู่เหมือนกัน


อันดับที่ 1 ได้ 42%
อารมณ์ ง่วง (ก็มันน่านอนนี่นา)
















เวลาฝนตก อากาศมันก็แสนจะเย็น สดชื่นนน แล้วก็น่านอน เวลาฝนตกเนี่ย ช่างน่านอนที่ซู้ดดด ใครจะเหงา จะเปลี่ยว จะเศร้าก็ช่าง สุดท้ายอารมณ์ไหนๆ ก็ลงเอยที่นอนเนี่ยแหละ จริงป้ะ